• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Cindy700, April 06, 2023, 04:09:11 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

1. เนื่องจากว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

พวกเรามิได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายคราที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่หากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะก่อให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น และก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ แล้วก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเราเคารพยกย่องที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนถึงวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนโน่นทีคนนี้ที แม้กระนั้นพอได้มองดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายมิได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้เสนอแนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากไปเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู

แค่พวกเรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานพวกเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องผู้ใดกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกินในโลกอินเตอร์เน็ต

ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย สหายพวกเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นส่งผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราคือไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าเกิดอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารณพด้วย เพราะว่า โดยมากคนในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลาเบาปัญญา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา สนใจ เอาใจใส่ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาอิจฉาริษยา

ช่วงปีมานี้ เพื่อนเราหลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสและแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีกว่าเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนพ้องหลายๆคนบางครั้งอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา ทราบดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายพวกเราอยากได้อะไร ทราบว่าวันนี้เราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูลู่วิ่งผู้อื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนถึงมีความทุกข์พอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งจะตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงหัวใจกับคนใดกัน แต่... แสดงว่า " เราไม่ใฝ่ใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะนี่ห้ามพลาดท่าเลยค่ะ มีคนรอคอยซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้พวกเราได้เปรียบมากมายๆนอกเหนือจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับผู้ใด ดังนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการดำเนินงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกหัดไปเรื่อยๆโดนดุด่าเดี๋ยวนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุตอนอายุ 50 มากมาย ถึงแม้ว่าจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก รวมทั้ง อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ฉะนั้น ล้มเหลวเยอะมากๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงจิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากขนาดไหน


นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อน เพราะฉะนั้นวันๆเราก็เลยจะเจอแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็สหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ เรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น

คุยเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงหัวใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนพ้อง ดังนั้นวันๆเราจึงจะเจอเพียงแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็สหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ เราคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น เสวนาแลกความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากประสบความสำเร็จ และก็ แฮปปี้ ควรเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร " ให้ได้ พูดง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เนื่องจากลูกจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ใส่ใจได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยเงินเดือนปริมาณหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่ างจากเราแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างนั้นๆ

เราต้องทราบว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าต้องการความรุ่งเรืองในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราเป็นสุขแล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตัวเองออกมาให้เยอะที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ควรมีผลที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ช่วงนี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุมากขึ้นทุกๆวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/