6 นิสัยพาจนกระทั่ง คนจำนวนไม่น้อยคุ้นชิน ไม่เคยสังเกตตัวเอง

[Ailie662]

"ความขาดแคลน" เป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งกว่าที่คุณคิด เมื่อต้นปี 2015 หน่วยงานต้านความย า กจนถึง "อ๊อกเฟม" ได้เผยแพร่ข้อมูลในเมืองดาวอส สำหรับในการประชุม เวิล์ด อีวัวโนมิค ฟอรัม บอกว่า คนที่มั่งมีที่สุดในโลก 1% เป็นเจ้าของความร่ำรวยมากถึง 48% ของความร่ำรวยบนโลก แล้วคุณรู้สึกว่า! ในประเทศไทย

คนมั่งคั่งที่สุดจะครอบครองความมั่งมีไปมากแค่ไหน? แล้วจะเหลือพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ไว้ให้ท่าน วันนี้! หากคุณยังไม่ตื่นตัวพัฒนาตัวเอง ก็เท่ากับคุณกำลังก้าวลงสู่ความขาดแคลนไปวันแล้ววันเล่า


และก็เปอร์เซ็นต์ความมั่งคั่งของคุณก็จะยิ่งถูกคนรวยขย า ยอาณารอบๆไปเรื่อยๆมาดู 6 ข้อนี้ที่จะทำให้คุณยิ่งจนถึงลง ถ้าหากยังคงทำอยู่ในทุกๆวันของชีวิตรวมทั้งควรจะรีบแก้ไขโดยด่วน!

1. ดำเนินชีวิตเกินค่ายังชีพ

หลายท่านดำเนินชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย ทั้งยังซื้อตามที่ใจต้องการ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต เพียงแค่เพื่อปรารถนาซื้ อ ข้าวของที่ไม่มีความจำเป็นมาเสริมแต่งชีวิตคุณให้ดูดี และก็ "มองมี" เหมือนบุคคลอื่น คนอื่นๆที่ว่าบางทีอาจทำได้ เนื่องจากว่าสถานะด้านการเงินของเขาอาจมั่นอาจจะหรือพร้อมกว่า แม้กระนั้นการใช้เงิน "เกินค่าครองชีพที่จำเป็น"

เช่น กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละมากแค่ไหน? ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายสบายใจได้อีกทั้งเดือน นั่นคือราคากาแฟที่เหมาะสมกับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว หากคิดว่าทุกข์ใจที่จะจ่ายแต่อย า กซื้ อ นั่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางด้านการเงินที่คุณกำลังใช้เกินตัวอยู่

2. หนักไม่เอา ค่อยไม่สู้

"ความขาดแคลน" น่าขนลุกกว่าที่คุณคิด หากคุณทดลองถามมหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แม้กระนั้นขยันหาเลี้ยงชีพ ปรับปรุงตนเอง แล้วก็กล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนถึงสร้างตัวจนกระทั่งรวย

ผู้คนเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่อย า กกลับไปกระทั่งอีก" แต่สำหรับคนไม่ใช่น้อยที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เพิ่งจะเริ่มธุรกิจส่วนตัว แม้กระนั้นยังไม่สู้งานหนัก


ไม่พร้อมกลับบ้ า นมืดค่ำ หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงจะย า กที่จะพัฒนาไปสู่ความร่ำรวยทางการเงิน เนื่องจากนาทีทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ

3. ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีระเบียบ ชิลไปวันๆ

สโลว์ไลฟ์ เป็นชีวิตชั้นสูง ที่คนที่มีฐานะด้านการเงินพรั่งพร้อมเพียงแค่นั้น จึงจะพร้อมสำหรับเพื่อการนั่งจิบกาแฟเรื่อยท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงินซื้ อ ความสะดวกสบายเท่าที่สบายใจ กลับมาก่อน คุณยังเป็นหนี้เป็นสิน คุณยังไม่มีการเงินที่มั่นคงจะ คุณยังปราศจากความสะดวกมือในการจับจ่าย

เนื่องจากว่าคุณยังไม่มีระเบียบทางการเงินที่ดีและรัดกุม ที่สำคัญ! คุณยังดำเนินการและคิดบัญชีแบบปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับจุดสำคัญ 1 2 3 ว่าแผนการที่คุณปรารถนาในชีวิตเป็นอย่างไร จะมีผลให้คุณคิดแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง รวมทั้งสร้างวินัยให้กับชีวิตที่อยากได้ได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

4. ไม่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับคนอื่นๆ

"ไม่มีใครสามารถทำงานผู้เดียวได้" แม้กระทั้งอาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังควรจะมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานประสิทธิภาพให้ประสบผลสำเร็จ เมื่อคุณจะต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในกลุ่ม สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลงานที่เจอความเร็จตามเป้า

แต่คือสมรรถนะสำหรับเพื่อการประสานงานให้เป็นผลลัพธ์สูงสุดจากที่วางเป้าไว้ ผู้คนจำนวนมากเสียโอกาสสำคัญสำหรับในการเจริญก้าวหน้าหรือเลื่อนขั้นงาน เนื่องจากว่าไม่สามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานบุคคลอื่นได้


จึงทำให้ผู้บริหารมีความเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนฐานะ หรือ ถ้าคุณทำธุรกิจอยู่ ก็คงขัดข้องอย่างแน่นอน แม้จะต้องร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แม้กระนั้นคุณกลับปฏิบัติตัวเป็นผู้แสดงนำชายอยู่คนเดียว และท่องเที่ยวบอกใครๆว่าคุณดำเนินการนี้สำเร็จทั้งที่ได้ผลจากการทำงานร่วมกันของคณะทำงาน

5. กลัวการกำหนดเป้าหมายในชีวิต

การพุ่งชนเป้าหมาย อาจเป็นเรื่องน่าสยดสยองสำหรับบางบุคคล เป็นต้นว่า คนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะ "ปลดหนี้" แต่กลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการใช้หนี้ตรงตรงเวลา หรือไม่มีวินัยสำหรับในการปลดหนี้ จึงทำให้เลี่ยงการใช้หนี้ กระทั่งส่งผลให้จะต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่มากขึ้น หรือบางบุคคลตั้งความมุ่งหมายว่าจะคิดบัญชี 10-20% จากค่าตอบแทนรายเดือนเป็นประจำ

กลับยอมแพ้เนื่องจากเห็นสินค้าที่ถูกใจกำลังลดรัว ทำให้ต้องควักกระเป๋าซื้ อ มาจนได้รวมทั้งเป้าหมายที่อย า กคิดเงินก็เลยล้มเหลวไม่เป็นท่า ความผิดพลาดที่คนพวกนี้เจอคือ "ความหวาดกลัวแผนการที่ตนอย า กทำ" หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เพราะเหตุว่ากลัวทำไม่ได้ ก็เลยเป็นอุปสรรคที่มีความสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังและไม่สามารถหลุดพ้นความอัตคัดได้สักที

6. คิดมากจนถึงก้าวสู่ความขลาดกลัว

คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาพิเคราะห์ แต่จะนำทุกปัญหามารวมกันจนทำให้มองไม่เห็นทางออก แม้กระนั้นคนที่คิดรอบคอบจะคิดเกิดเรื่องๆและก็ลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรจะมาก่อนมาหลัง ทำให้คิดเป็นแนวทางการและก็ได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนจำพวกที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ

จะไม่กล้าวางแผนสำหรับเพื่อการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างกำไร เพราะเหตุว่ากลัวความไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต หรือ ผู้ที่คิดมากเมื่อปฏิบัติงานเป็นพนักงานประจำ จะกลัวการแสดงความคิดเห็น หรือ


ไม่กล้าที่จะดำเนินการย า กๆเพื่อปรับปรุงตัวเอง ซึ่งเป็นเพราะเหตุว่าการพินิจโดยใช้ทุกความนึกคิดมารวมกัน จนถึงแปลงเป็นความกังวลใจ หรือ ขย า ยจนเป็นความขลาดกลัว ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น แม้ว่าโอกาสมาอยู่ตรงหน้า
ความจน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13475/